รัฐไทยในดินแดนไทย
- แคว้นโยนกเชียงแสน
- แคว้นหิรัญนครเงินยาง
- แคว้นพะเยา
- อาณาจักรล้านนา
- อาณาสุโขทัย
- อาณาจักรอยุธยา
แคว้นโยนกเชียงแสน (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-16)
- เดิมชื่อ : นาคพันธ์สิงหนวัตินคร ต่อมาเปลี่ยนเป็นโยนกนครธานีศรีช้างแส่นและจึงเป็นชื่อ แคว้นโยนกเชียงแสน
- ตั้งเมืองที่ : เชียงราย ริมแม่น้ำกก
- การปกครอง : โดยกษัตริย์ ซึ่งองค์แรกคือ พระเจ้าสิงหนวัติมีกษัตริย์ปกครองถึง 45 พระองค์
- การรุกราน : ชนพื้นกล๋อมดำ
การสิ้นสุด
ถูกคุกคามจากอาณาจักรพุกาม และภัยธรรมชาติ เมืองจึงถล่มจมลงกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ พระเจ้าไชยสิริอพยพคนไปสร้างเมืองใหม่คือ ไตรตรึงส์
แคว้นหิรัญนครเงินยาง (ประมาณพุทธศตวรรษ 16 - พ.ศ 1899)
- ชื่อแคว้น หิรัญนครเงินยาง หรือ ชยวรนคร,เมืองเชียงลาว , เหรัญญนครเงินยางเชียงแสน, นครยางคปุระ, เมืองท่าทรายเงินยาง เป็นอาณาจักรหนึ่งในบริเวณที่เป็น ประเทศไทยและประเทศลาวปัจจุบัน
- ที่ตั้ง ปัจจุบันมักเชื่อกันว่าเมือง เงินยางคือเมืองเดียวกัน กับเมืองเชียงแสน
- เกิดเมื่อ ปูลาวจง หัวหน้ากลุ่มคนบนดอยตุง นำบริวารมาสร้างเมืองที่แม่น้ำกก ก่อตั้งราชวงศ์ลวจักราช
- กษัตริย์ : 25 พระองค์
- การขยายอำนาจ : ส่งลูกชายไปสร้างใหม่ และ ให้อภิเษกสมรสกับพระราชธิดารัฐอื่น เป็นการสร้างสัมพันธ์ทางเครือญาติ
การสิ้นสุด
พระยามังรายรวบรวมเมืองใกล้เคียง (อ้างสิทธิ์สายเลือด) สร้างเป็นเชียงราย (ราชธานีใหม่) ขยายอำนาจถึงสร้างราชธานีใหม่ในลุ่มน้ำปิง ยึดแคว้นหริภุญชัย (ส่งไส้ศึกไปอยู่) ไปสร้างเมืองเวียงกุมกาม (อยู่แถวเชียงใหม่) แล้วก็สร้างนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่เกิดอาณาจักรล้านนา แคว้นหิรัญนครเงินยางกลายเป็นส่วนหนึงของล้านนาไป
แคว้นพะเยา (พ.ศ.1640-1881)
- ศูนย์กลางอยู่ที่ : เมืองพะเยา (เชิงดอยแม่น้ำอิง)
- เชื้อสาย : ขุนจอมธรรมเป็นเชื้อสายของปู่ลาวจง
- ความสัมพันธ์ : พระยางำเมือง เรียนวิชาสำนักสุกทันตฤาษีกรุงละโว้ร่วมสำนักกับพ่อขุนรามคำแหง อาณาจักรสุโขทัย และ พระยามังราย แห่งแคว้นหิรัญนครเงินยาง
- การรุกราน : พระยามังรายจะยึดพะเยา พระยางำเมืองเจรจา ยอมยกเขตแดน 500 หลังคาเรือนให้ต่อมาสหายทั้ง 3 พระองค์ทำสัญญาเป็นมิตรกันเมื่อพระยางำเมืองสวรรคตความสัมพันธ์ก็เสื่อมลง
การสิ้นสุด
หลังสิ้นเอกราช เมืองพะเยาปรากฏความสำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของล้านนาในรัชสมัยพญาสามฝั่งแกน เพราะได้ส่งขุนนางที่มีฐานะเป็นอา ช่วยเหลือให้พระองค์ครองราชย์มาปกครองพะเยา และตอบแทนความชอบด้วยการกำหนดตำแหน่งเจ้าเมืองพะเยาเป็น "เจ้าสี่หมื่น" และในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช ทรงให้ความชอบแก่พระยายุทธิษฐิระ อดีตเจ้าเมืองสองแควผู้มาสวามิภักดิ์ให้การยกให้ครองพะเยา แต่กาลต่อมาเมือล้านนาได้ยึดครองนครรัฐแพร่และน่านแล้ว เมืองพะเยาจึงถูกลดบทบาทลง
อาณาจักรล้านนา
ยุคต้น
- พระยามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ (ราชธานี) ลำพูนเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา และเชียงรายเป็นเมืองอุปราช
- ศาสนา : วัดเจดีย์เหลี่ยม(เวียงพุกาม) สร้างเจดีย์กู่คำหลวง พระอารามจัดกานโดม (วัดช้างคำ)
- การปกครอง : ทรงตรากฎหมายที่เรียกว่า “มังรายศาสตร์”
- สิ้นพระชมน์ : พ.ศ. 1854
ยุคกลาง
- พญากือนาหรือพญาธรรมิกราช (กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย) เข้าสู่ยุคเจริญรุ่งเรือง
- ล้านนาเจริญสูงสุด สมัยพระเจ้าติโลกราช (กษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย) ทรงขยายอาณาเขตอย่างกว้างขวาง ทำสงครามต่อเนื่องกับอยุธยาถึง 14 ปี
- ศาสนา : ได้สร้างวัดป่าแดง และวัดมหาโพธาราม (เจ็ดยอด) และจัดสังคายนาพระไตรปิฏกที่วัดนี้ใน พ.ศ. 2020 และอัญเชิญพระแก้วมรกตจากลำปางมาประดิษฐาน ที่เชียงใหม่มีการเขียนคัมภีร์ทางศาสนา รวมถึงตำนาน และ ชาดกแบบลังกา
ยุคเสื่อม
- ในสมัยพระยาเกสครองราชย์จนถึงช่วง พ.ศ. 2102 (กษัตริย์องค์ที่ 12) เกิดความเสื่อมถอยและการตกเป็นประเทศราชของพม่า เหตุเพราะปัจจัยภายในความสัมพันธ์ทางเครือญาติลดความสำคัญลง ขุนนางมีอำนาจ กษัตริย์อ่อนแอ เศรษกิจตกต่ำ และการขยายอำนาจของราชวงศ์ตองอู
การสิ้นสุด
รวมประเทศ : พ.ศ. 2317 สมัยธนบุรี ผู้นำล้านนาสวามิภักดิ์ ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ล้านนาจึงกลายเป็นประเทศราชของไทยจนกระทั่งถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยใน ค.ศ.2442 (รัชกาลที่ 5)
อาณาจักรสุโขทัย พ.ศ.1792-2006
ที่ตั้ง
- ตั้งอยู่ที่ราบภาคกลางตอนบน บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนและลำน้ำสาขา
การปกครอง
เนื่องจากเมืองที่พ่อขุนศรีนาวได้ปกครองถูกขอมสบาดโขลญ ลำพงยึดไว้ เจ้าขุนผาเมือง(ลูกชาย) จึงร่วมกันกับ พ่อขุนบางกลางหาวยึดคืนมา และพ่อขุนบางกลางหาวได้รับ การอภิเษกปกครองสุโขทัยโดยมีพระนามว่า “พ่อขุนศรีอินทราทิพย์"
ปัจจัยส่งเสริมสุโขทัย
ปัจจัยภายใน
- ทำเลที่ตั้ง : เป็นชุมชนทางการค้าขาย และเป็นจุดที่มีอารยธรรมพม่า มอญ และเขมรมาบรรจบกัน
- ความสามารถของผู้นำ
- ความสามัคคีของชาวไทย
ปัจจัยภายนอก
- การเสื่อมอำนาจของเขมร
- การสร้างความสัมพันธ์กับจีนในรูปแบบบรรณาการ
เศรษฐกิจ
- เกษตร มีการสร้างนบคันกักเก็บน้ำ ฝาย คูคลอง เชื่อว่าเลี้ยงตนเองได้
- หัตถกรรม มีการทำเครื่องสังคโลก
- การค้า แบ่งเป็นการค้าระหว่างหัวเมือง กับ การค้าระหว่างประเทศ เชื่อว่ามีความเจริญรุ่งเรืองมาก
สังคม
- มีรากฐานจากเผ่าหรือชาวบ้าน
- นับถือพระพุทธศาสนา
- ประชาชนไม่มาก ติดต่อกันได้สะดวก ผู้นำดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ซับซ้อน
การขยายอาณาเขต
- สมัยพ่อขุนรามคำแหง
- สมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 ลิไทย
- ในสมัยสุโขทัย หัวเมืองต่างๆรวมกันอย่างหลวมๆความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับกษัตริย์แต่ละพระองค์นอกจากนี้ยังไม่มีเสถียรภาพในการปกครอง เปิดโอกาศให้แทรกแซงง่าย
ชนชั้น
- กษัตริย์
- เชื้อพระวงศ์
- ขุนนาง
- ไพร่ (ประชาชนทั่วไป)
- ทาส
การสิ้นสุด
เนื่องจากการแทรกแทรงทางการเมืองของอาณาจักรอยุธยาทำให้ถูกผนวกรวมกับอยุธยา
ปัจจัยภายใน
- การแก่งแย่งอำนาจของผู้นำ
- ความไม่เข้าแข็งของผู้นำ
- การถูกตัดเส้นทางการค้า
ปัจจัยภายนอก
- การขยายอำนาจไปทางเหนือโดยกำลังทหาร การแทรกแทรงภายใน การสร้างสัมพันธ์ทางเครือญาติ ทำให้อ่อนแอ
อาณาจักรอยุธยา (พ.ศ. 1893-2310) ยาวนาน 417 ปี
เศรษฐกิจ
- เกษตร ส่วนใหญ่ปลูกข้าว รัฐมีรายได้จากอากรนา คือ ชาวบ้านจ่ายข้าวเปลือกให้รัฐเรียกว่า หางข้าว สมัยพระนารายณ์ทรงเปลี่ยนการเก็บข้าวมาเก็บเงินเรียกว่า “ไร่ละสลึง”
- การค้า เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจแบบพอยังชีพ จึงค้าขายกันอย่างจำกัดกับต่างประเทศ รัฐใช้วิธีการผูกขาดการค้าโดยผ่านพระคลังสินค้า ต้องขายผลผลิตให้รัฐและรัฐจะเป็นผู้ขายสินค้าให้ต่างประเทศ
- การเก็บภาษีอากร ไพร่ หรือ ประชาชน ต้องเสียภาษีให้พระมหากษัตริย์ รัฐมีรายได้จากจกอบ ส่วย ฤชา ภาษีสินค้าเข้าและภาษีขาออกจากการค้าต่างประเทศ
ลักษณะสังคม
ระบบไพร่
- การควบคุมแรงงานตามระดับชั้น ให้มูลนายควบคุมไพร่ หากเป็นไพร่ที่ไม่มีสังกัดจะถูกส่งเข้าวัง (เป็นคนของหลวง) สังกัดกรมกองราชธานีขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์
- การปฏิรูปสมัยพระบรมไตรโลกนาถ ทำให้เกิดไพร่หลวง และไพร่ที่มหากษัตริย์ทรงพระราชทานให้ขุนนาง เรียกว่า “ไพร่สม”
ระบบศักดินา
เป็นการจำแนกฐานะทางสังคม เพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบสิทธิ อภิสิทธิ์ต่างๆแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น คือ
ชนชั้นปกครอง
- กษัตริย์
- ราชวงศ์ หรือ เจ้านาย
- ขุนนาง หรือ ข้าราชการ
- พระสงฆ์
ชนชั้นที่ถูกปกครอง
- ไพร่ หรือ สามัญชน
- ข้าหรือทาส
อาณาจักรอยุธยา (พ.ศ. 1893-2310) ยาวนาน 417 ปี
ปัจจัยภายใน
- กรุงศรีอยุธยามรชัยภูมิเหมาะสม คือ มีแม่น้ำล้อมลอบ
- มีดินดีและท่าน้ำอุดมสมบูรณ์
- ตั้งอยู่บริเวณที่ราบภาคกลาง สามารถคุมทางคมนาคมหรือการค้าและเส้นทางยุทธศาสตร์เมืองอื่นได้
ปัจจัยภายนอก
- ช่วงเวลานั้นเขมรหมดอำนาจ ไม่สามารถต้านทานทัพไทยได้
- การเมืองปล่อยเมืองลูกหลวงปกครองตนเอง
- เสียกรุงครั้งที่ 1 พ.ศ. 2112 ประกาศอิสรภาพใน พ.ศ. 2127 เสียกรุงครั้งที่ 2 พ.ศ.2310
- การเมืองเป็นแบบให้อำนาจแก่ขุนนางเท่าเทียมกับเจ้านายจนบางครั้งเมื่อพระมหากษัตริย์สิ้นพระชมน์ลงเกิดการแย่งชิงบรรลังก์ขึ้น ผู้ชนะจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ และได้กำจัดผู้แพ้เช่นนี้จนสิ้นรัชสมัยอยุธยา
การสิ้นสุด
ความเสื่อมอำนาจทางการเมือง มีการแก่งแย่งชิงอำนาจใหม่ในหมู่ขุนนางข้าราชการและพระบรม วงศานุวงศ์ความอ่อนแอของพระมหากษัตริย์ พระเจ้าเอกทัศน์ทรงขาดความสามารถในด้านการเป็นผู้นำ กองทหารไม่ได้รับการฝึกฝนให้เตรียมพร้อมในการทำศึกสงคราม และมีปัญหาวินัยหย่อนยาน และ ไทยว่างเว้นจากสงครามมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความประมาทในการป้องกันพระราชอาณาจักร เมื่อพม่า ยกกำลังมาล้อมกรุงศรีอยุธยาก่อนจะเสียกรุงใน พ.ศ.2310 และกรุงศรีอยุธยาถูกปิดล้อมทางเศรษฐกิจ โดยกองทัพพม่าทั้งจากทางเหนือและใต้ รวมทั้งต้องทำศึกระยะยาวนานนับปี ทำให้กรุงศรีอยุธยาเกิด ขาดแคลนเสบียงอาหารอันนำไปสู่ความอ่อนแอต่อกำลังทัพและผู้คนของไทย