มารู้จัก...อยุธยากันเถอะ

29 มิถุนายน 2565 เวลา 15:42 / ผู้เข้าชม : 1,640 ประวัติศาสตร์
มารู้จัก...อยุธยากันเถอะ

กรุงศรีอยุธยา

ในราวปี  พ.ศ.  1893  เมื่อกรุงสุโขทัย เริ่มเสื่อมอำนาจลง หัวเมืองต่างๆจึงแข็งข้อ  เมืองอู่ทอง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัยเป็นเมืองใหญ่   พระเจ้าอู่ทอง จึงเริ่มสะสมกองกำลัง และเป็นผู้นำคนไทยที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำ เจ้าพระยาตอนกลางและตอนล่าง ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นอิสระจากสุโขทัย   โดยตั้งราชธานีบริเวณหนองโสน  หรือบึงพระราม  ซึ่งก็คือจังหวัด พระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน พระเจ้าอู่ทองทรงเป็นปฐมกษัตริย์ ในราชวงศ์อู่ทอง  ทรงพระนาว่า  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1   ครองราชย์ปกครองกรุงศรีอยุธยาอยู่นานเป็นเวลาถึง  20  ปี

จุดเด่นของ กรุงศรีอยุธยา

กรุงศรีอยุธยามีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาโดยลำดับทั้งนี้ เพราะทำเลที่ตั้งมีความเหมาะสมหลายประการ คือ 

1. ในด้านยุทธศาสตร์  มีภูมิประเทศเป็นเกาะมีแม่น้ำล้อมรอบ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำป่าสักและแม่น้ำลพบุรี 

2. ในด้านเศรษฐกิจ เป็นศูนย์กลางการคมนาคม  เพราะมีแม่น้ำไหลผ่านถึง  

3  สายพื้นดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะในการทำอาชีพเกษตรกรรม ตั้งอยู่ใกล้ทะเล และส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าในการค้ากับต่างประเทศ

การปกครอง

การจัดการปกครองในระยะแรก เป็นการนำเอาลักษณะการปกครองในสมัยสุโขทัย  และการปกครองของขอมเข้ามาใช้ฐานะของพระมหากษัตริย์ ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยสุโขทัย คือ  พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ   ทรงมีอำนาจสูงสุดในการปกครอง ซึ่งเรียกว่า  การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  การจัดการปกครองในระยะแรก เป็นการนำเอาลักษณะการปกครอง ในสมัยสุโขทัย และการปกครองของขอมเข้ามาใช้   ฐานะของพระมหากษัตริย์ได้เปลี่ยนแปลง 

กษัตริย์ของอยุธยา

กรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีอยู่เป็นระเวลาถึง  417  ปี  มีกษัตริย์ปกครองถึง   5  ราชวงศ์  ดังนี้

1. ราชวงศ์อู่ทอง  (พ.ศ.  1893 - 1913  และ  พ.ศ.  1931 - 1952) 

2. ราชวงศ์สุวรรภูมิ (พ.ศ.  1913 - 1931  และ  พ.ศ.  1952 - 2112) 

3. ราชวงศ์สุโขทัย (พ.ศ. 2112 - 2172) 4. ราชวงศ์ปราสาททอง (พ.ศ.  2172 - 2231) 

5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง  (พ.ศ.  2231 - 2310)

สังคมในสมัยอยุธยา

สังคมไทยในสมัยอยุธยา ประกอบด้วยบุคคล 5 กลุ่ม ได้แก่ พระมหากษัตริย์  และเจ้านายชั้นสูง ขุนนาง ไพร่ ทาส และผู้ที่ได้รับการยกย่องเลื่อมใส จากคนทุกกลุ่มคือพระสงฆ์ ลักษณะการแบ่งชนชั้นในสังคมไทย มีลักษณะไม่ตายตัวบุคคลอาจจะเสื่อมตำแหน่งฐานะทางสังคมของตนได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถ และคุณประโยชน์ที่มีต่อประเทศชาติ

พระมหากษัตริย์ 

1. พระมหากษัตริย์ ทรงมีฐานะเป็นสมมติเทพทรงเป็นประมุขของประเทศ   มีอำนาจสูงสุดในการปกครองทรงมีพระราชอำนาจในฐานะเป็นเจ้าชีวิต ทรงมีฐานะเป็นสมมติเทพ  (ไทยได้รับแนวความคิดนี้  มาจากคติความเชื่อ ของศาสนาพราหมณ์ทรงเป็นประมุขของประเทศ  มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง ทรงมีพระราชอำนาจในฐานะเป็นเจ้าชีวิตและเจ้าแผ่นดินทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ พระพุทธศาสนา 

เจ้านาย

2. เจ้านาย  หมายถึง  พระราชวงศ์ของพระมหากษัตริย์   มีสกุลยศลดหลั่น ตามลำดับ คือ เจ้าฟ้า  พระองค์เจ้า  หม่อมเจ้า  ฯลฯ

ขุนนาง

3. ขุนนาง  มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือพระเจ้าแผ่นดิน ในการปกครองประเทศ  โดยพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานศักดินา ให้เป็นเครื่องตอบแทนอำนาจ  และฐานะของขุนนาง 

ไพร่ 

4. ไพร่ หมายถึงสามัญชนทั่วไป  นับว่าเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ  แบ่งเป็น  3  ประเภท  คือ 

ไพร่หลวง หมายถึง ไพร่ที่ขึ้นทะเบียนสังกัดต่อรัฐ  คือ องค์พระมหากษัตริย์   ต้องมาเข้าเวรเพื่อรับใช้ราชการปีละ 6 เดือน 

ไพร่สม  หมายถึง  ไพร่ที่ขึ้นทะเบียนต่อเจ้านายและขุนนาง

ไพร่ส่วน  หมายถึง  ไพร่ที่ส่งผลิตผลมาแทนการเข้าเวร เพื่อใช้แรงงาน

ทาส 

5. ทาส  เป็นชนชั้นที่ต่ำที่สุดในสังคม  แบ่งเป็น  2  ประเภท  คือ         

  • ทาสที่ไถ่ถอนตัวได้  เรียกว่า  ทาสสินไถ่         
  • ทาสที่ไถ่ถอนตัวไม่ได้  เช่น  ทาสเชลย  ลูกทาสเชลย ฯลฯ

พระสงฆ์

6. พระสงฆ์  พระสงฆ์ไม่จำกัดชนชั้นใดชนชั้นหนึ่ง  แต่เป็นที่เคารพของคนทุกชนชั้น บทบาทและความสำคัญของพระสงฆ์ มีดังนี้ 

1.เป็นที่พึ่งทางใจของคนทุกชนชั้น

2.เป็นบุคคลที่เปรียบเสมือนตัวเชื่อมของชนชั้นสูง กับชนชั้นต่ำ 

3.เป็นผู้ให้การศึกษา  เพราะวัดเป็นศูนย์กลางของการศึกษา ในสมัยก่อน

ความเสื่อมของอยุธยา

กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีอยู่นานถึง 417 ปี คือตั้งแต่ พ.ศ. 1893 - 2310  แต่กรุงศรีอยุธยา ได้เริ่มเสื่อมลงน้อยนับแต่ต้นราชวงศ์บ้านพลูหวง เป็นต้นมา โดยมีสาเหตุสำคัญดังนี้      

1. เกิดการแย่งชิงราชสมบัติ      

2. ขุนนางและเจ้านายผู้ใหญ่แตกสามัคคี      

3. ทหารแตกแยกกันกองทัพขาดการเตรียมพร้อม      

นอกจากสาเหตุที่เกิดขึ้นภายในกรุงศรีอยุธยาเองดังกล่าวแล้วยังประกอบ กับพม่ามีกำลังและอำนาจมากขึ้น  ภายใต้การนำของกษัตริย์ราชวงศ์ อลองพญา พม่าจึงได้ปราบปรามกบฎ และเคลื่อนทัพมายังดินแดนไทย โดยเริ่มจากการตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ  เรื่อยมาจนล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้โดย กรุงศรีอยุธยาไม่อาจต้านทานได้

เกร็ดความรู้

อยุธยา แหล่งผสมผสานทางวัฒนธรรม 

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ของอยุธยาทำให้ง่ายต่อการรับ อารยธรรมจากแหล่งใหญ่ของโลก อย่างจีนและอินเดีย อยุธยาจึงถือ เป็นจุดยุทธศาสตร์ และแหล่ง ผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างดี จีน อินเดีย อยุธยา 

 

เกร็ดความรู้

อารยธรรมอินเดีย

ที่รับมาคือมหากาพย์เรื่อง รามายณะ ซึ่งเป็นการทำศึกกันระหว่าง พระรามกับทศกัณฑ์ โดยวรรณกรรมเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลความเชื่อ จากศาสนา พราหมณ์-ฮินดู ชื่อของอยุธยามาจาหเมือง “อโยธยา” เมืองของพระราม  พระนามของกษัตริย์ที่ขึ้นต้นด้วย “รามาธิบดี”  ก็มาจากชื่อของพระราม

เกร็ดความรู้

อารยธรรมจากจีน 

มาจากการติดต่อค้าขาย และผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ทำให้มีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ในอยุธยา ในอยุธยาจึงมีตำนานของจีน ปรากฏอยู่ตามสถานที่ต่างๆ  เช่น “พระนางสร้อยดอกหมาก” แห่งวัดพนัญเชิง และ “ชำปอกง”  เทพเจ้าของจีน ที่มาจากแม่ทัพเรือคำสำคัญอย่างเจิ้งเหอ

Related content

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Copyrighted 2021. designlandclub. All Rights Reserved.
@ ART AD. DESIGN. 2021